ขีดเส้น 3 เดือนได้เอกชนเช่าที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ

นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงความคืบหน้าในการเปิดให้เอกชนเข้ามาลงทุนพัฒนาที่ดินรัฐที่จัดสรรไว้ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจ เป็นเขตนิคมอุตสาหกรรมว่า คาดว่า 3 เดือนนับจากนี้จะได้ตัวนักลงทุนที่ยื่นข้อเสนอดีที่สุด เพื่อเข้าไปพัฒนาพื้นที่เป็นเขตนิคมอุตสาหกรรม ให้นักลงทุนรายย่อยเช่าช่วงลงทุนต่อไป

หลังจากที่ประชุมคณะทำงานสรรหาคัดเลือกและเจรจาผู้ลงทุน ในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ครั้งที่ 1/2558 เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2558 ที่ผ่านมา ได้กำหนดกรอบทีโออาร์หรือข้อกำหนดคุณสมบัติเบื้องต้นสำหรับผู้ลงทุน โดยยึดตามแนวทางของคณะอนุกรรมการด้านการจัดหาที่ดินและบริหารจัดการ ที่มี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน ในการนำมาพิจารณาคัดเลือก ประกอบด้วย

เขตนิคมอุตสาหกรรม

  1. การวางมาสเตอร์แพลนหรือแผนใหญ่ว่า จะทำอะไรกับที่ดินที่ได้ไป โดยจะต้องจัดประโยชน์แบ่งโซนทำผังโครงการที่ชัดเจนและมีความเหมาะสม ว่าโซนไหนจะลงทุนโรงงานประเภทใด และโซนเอสเอ็มอีมีจำนวนเท่าใด
  2. การวางแผนธุรกิจ หรือผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจากการพัฒนา โดยเฉพาะการจัดตั้งเป็นเขตนิคมอุตสาหกรรม ที่จะดึงนักลงทุนรายย่อยเข้าพื้นที่
  3. ผลประโยชน์ที่จะให้กับชุมชน การจ้างงาน การสร้างรายได้ในท้องถิ่น
  4. การสนับสนุนธุรกิจSME ในพื้นที่
  5. การวางแผนจัดทำระบบสาธารณูปโภคในพื้นที่ เช่น การป้องกันน้ำท่วม ระบบบำบัดน้ำเสีย ถนน ไฟฟ้า ประปา ฯลฯที่จะอำนวยความสะดวกต่อนักลงทุน และ
  6. ผลตอบแทนที่จะให้กับกรมธนารักษ์ คือ ค่าเช่าและค่าธรรมเนียม เป็นต้น

อย่างไรก็ดี ที่ประชุมได้ตั้งชุดทำงานย่อยขึ้นมาอีก 1 ชุดโดยมีรองอธิบดีกรมธนารักษ์เป็นประธาน ซึ่งชุดทำงานดังกล่าวจะมีหน้าที่ลงพื้นที่แต่ละจังหวัด เพื่อสอบถามความต้องการของนักธุรกิจSMEในพื้นที่ และรับฟังว่าคนในพื้นที่ต้องการให้ลงทุนอะไร ซึ่งจะตรงจุดและเหมาะสมกับศักยภาพของแต่ละพื้นที่ และนำมาเป็นองค์ประกอบในการยกร่างรายละเอียดของข้อกำหนดทีโออาร์ว่าคุณสมบัติจะมีอะไรบ้าง โดยมีคะแนน 100 คะแนน คาดว่า 45 วันนับจากนี้ จะสามารถประกาศTORและรับยื่นซองประกวดราคาเอกชนที่สนใจได้ และ 3 เดือนนับจากนี้ จะได้ตัวนักลงทุนที่ยื่นข้อเสนอที่ดีที่สุด เข้าพื้นที่พัฒนาเขตนิคมอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ ร่างข้อกำหนดทีโออาร์คัดเลือกเอกชนลงทุนเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษดังกล่าว จะต้องเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.)ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน พิจารณาเห็นชอบต่อไป

ต่อข้อคำถามที่ว่าขณะนี้มีเอกชนแสดงความสนใจเข้ามาบ้างหรือไม่ อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า ยังไม่มี เพราะเอกชนคงรอดูท่าทีร่างTOR แต่เชื่อว่าจะเป็นนักลงทุนขนาดกลางที่สนใจ เพราะแปลงที่ดินรัฐที่กำหนดเป็นเขตอุตสาหกรรมจะมีขนาด 800-1 พันไร่ แต่ทั้งนี้ทุกอย่างยังไม่มีข้อสรุป รายใหญ่อาจสนใจเข้าประมูลที่ดินก็เป็นได้ ขณะเดียวกันเอกชนสามารถแข่งขันประมูลแปลงที่ดินรายเดียวได้ทุกพื้นที่ โดยเชื่อว่าเอกชนน่าจะไม่สนใจทั้งหมด แต่จะสนใจเพียงจังหวัดเดียวที่มองว่ามีศักยภาพและมีฐานลูกค้า สำหรับที่ดินที่ราชพัสดุที่จะเปิดให้เอกชนแข่งขันประมูลเพื่อคัดเลือกเหลือเพียงรายเดียว ได้แก่ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก มีที่ดินกว่า 1 พันไร่ ตราด 600 ไร่ หนองคาย 500 ไร่ และมุกดาหาร 1,085 ไร่ ส่วนสงขลาและสระแก้ว การนิคมอุตสาหกรรม(กนอ.) จับจองเต็มพื้นที่

ด้านนายบำรุง ล้อเจริญวัฒนะชัย ประธานหอการค้าจังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า ที่ดินรัฐที่ป่าไร่ กนอ.จับจองเต็มพื้นที่ ซึ่งทางออกเอกชนต้องเช่าช่วงต่อจากกนอ. หรือมองหาที่ดิน รัศมีห่างจากเขตอุตสาหกรรมป่าไร่ ซึ่งยังพอมีที่ดินราคาถูกอยู่

ส่วนนายธนโชติ โชติบุณยศักดิ์ รองประธานหอการค้าจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า ที่ดินรัฐในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ที่จะพัฒนาเป็นเขตนิคมอุตสาหกรรม และจะเปิดให้เอกชนรายใหญ่ประมูลและคัดเลือกเหลือเพียงรายเดียว มองว่า เป็นเรื่องที่ดี แต่ท้องถิ่นขอให้กันพื้นที่ 35% ของ 1,085 ไร่ จัดสรรให้เอสเอ็มอีท้องถิ่นเช่าในราคาถูก ทั้งความต้องการของนักลงทุนจะไม่เน้นโรงงานอุตสาหกรรม แต่จะเน้นเป็นโกดังคลังสินค้าและโลจิสติกส์มากกว่า

 

ขอขอบคุณ ::  ฐานเศรษฐกิจ

You may also like...

error: Content is protected !!