ดึงเงินสะสมอปท. 6 หมื่นล้าน กระตุ้นท่องเที่ยวท้องถิ่น

รัฐบาลดึงเงินสะสมอปท. 6 หมื่นล้าน กระตุ้นท่องเที่ยวท้องถิ่น หวังสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ เชิญนายกฯ เป็นปธ.คิกออฟงาน”สานพลังท้องถิ่นประชารัฐ”

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ในประเด็นด้านการท่องเที่ยว ที่ห้องประชุมภายในห้องทำงานของนายสมคิด ตึกบัญชาการ1 ทำเนียบรัฐบาล

โดยนายสมคิด กล่าวภายหลังการประชุมว่า ได้หารือกับตัวแทนของหน่วยงาน อปท. ได้แก่ นายกสมาคม อปท. ตัวแทนองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ตัวแทนสันนิบาตเทศบาล รวมทั้งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) หารือเกี่ยวกับงบประมาณจากเงินสะสมของ อปท.เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวซึ่งได้รับจัดสรรวงเงินประมาณ 6 หมื่นล้านบาท โดยได้เน้นถึงข้อสั่งการของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าเงินจำนวนนี้เป็นเงินของท้องถิ่น การดำเนินการต้องให้ท้องถิ่นได้รับประโยชน์สูงสุดผ่านโครงการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวในท้องถิ่นทั่วประเทศซึ่งในเบื้องต้นกระทรวงท่องเที่ยวฯและ ททท.ได้กำหนดพื้นที่ที่จะมีการสร้างสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่เพื่อเตรียมความพร้อมในการดำเนินการ ทั้งนี้ได้มีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาหนึ่งชุดเพื่อคัดกรองโครงการประกอบด้วย กระทรวงท่องเที่ยวฯ และอปท. ทำงานร่วมกัน และในวันที่ 7 เม.ย.นี้จะมีการจัดงาน “สานพลังท้องถิ่นประชารัฐ” โดยพล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นประธานเปิดงานเพื่อเป็นการคิกออฟโครงการในการสร้างแหล่งท่องเที่ยวชุมชนแห่งใหม่ในท้องถิ่นทั่วประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เรื่องดังกล่าว คณะรัฐมนตรี(ครม.)เคยมีมติรับทราบเมื่อวันที่ 23 ก.พ. ที่ผ่านมา ตามที่กระทรวงมหาดไทย (มท.)เสนอ คือเรื่องการนำเงินใช้จ่ายเงินสะสมของ อปท. เพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐบาล เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้เจริญเติบโตโดยการจัดสรรงบประมาณให้องค์กรระดับพื้นที่นำไปใช้จ่ายเพื่อให้เกิดการกระจายรายได้และแก้ไขปัญหาในการประกอบอาชีพของประชาชน ดังนั้นอปท. ได้แก่ องค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) เทศบาล และองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) เป็นหน่วยงานของรัฐที่มีแหล่งรายได้ที่สำคัญจากภาษีอากรที่จัดเก็บเอง ภาษีอากรที่ได้รับการจัดสรร และเงินอุดหนุนจากรัฐบาล เมื่อได้มีการดำเนินการใช้จ่ายเงินตามข้อบัญญัติ เทศบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีแล้ว จะมีเงินเหลือจ่ายจำนวนหนึ่งที่ตกเป็นเงินสะสม และอปท.สามารถนำเงินสะสมไปใช้จ่ายในกิจการด้านบริการชุมชนและสังคม หรือบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนโดยการอนุมัติของสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่นได้

แต่ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ได้มีข้อทักท้วงเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินสะสมของอปท. ว่ามีอปท.หลายแห่งใช้จ่ายเงินสะสมโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับส่วนรวม และบางกรณีมีการใช้จ่ายลักษณะสุ่มเสี่ยงจะขัดต่อกฎหมาย มท.จึงกำหนดหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินสะสมอย่างเข้มงวดรัดกุมมากขึ้น โดยอปท.จะใช้จ่ายเงินสะสมได้จะต้องเป็นกรณีจำเป็นเร่งด่วน ไม่อาจไปรอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้ หากอปท.สามารถนำเงินสะสมเหล่านั้นมาใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐบาลได้ก็จะเกิดประโยชน์แก่ประชาชนและประเทศโดยรวม

ดังนั้น มท.จึงเสนอครม.ให้ทราบถึงแนวทางที่จะดำเนินการเพื่อให้อปท.นำเงินสะสมไปใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐบาลเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการภายในปีงบประมาณ 2559 โดยมท.ได้กำหนดกรอบประเภทโครงการที่จะดำเนินการ 5 โครงการ ได้แก่ 1.สนับสนุนการดำเนินงานตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 2.การปรับปรุงหรือจัดให้มีแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร 3.ปรับปรุงหรือจัดให้มีแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค 4.ส่งเสริมการท่องเที่ยว 5.ส่งเสริมการใช้ยางพาราภายในประเทศ โดยโครงการที่ดำเนินการจะต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง ไม่เป็นการใช้จ่ายในกิจกรรมที่ไม่เกิดประโยชน์หรือฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็น สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน เหมาะสมกับเงินที่มีอยู่และไม่ซ้ำซ้อนกับโครงการที่หน่วยงานของรัฐอื่นได้ดำเนินการแล้ว

ขอขอบพระคุณ :: กรุงเทพธุรกิจ