วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง จากแรงขายของนักลงทุนเพื่อทำกำไร หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในสัปดาห์ที่ผ่านมา
– ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดซื้อขายน้ำมันดิบเลือกที่จะขายเพื่อทำกำไร หลังราคาน้ำมันดิบเบรนท์ และเวสต์เท็กซัสได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 และ 11 ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบสัปดาห์ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2558 ที่ผ่านมา
+ อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบได้รับแรงสนับสนุนจากรายงานตัวเลขแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐ ซึ่งประกาศโดย Baker Hughes ได้ปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 10 ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยปรับตัวลดลง 13 แท่น ลงไปอยู่ที่ระดับ 400 แท่น ซึ่งเป็นระดับจำนวนแท่นขุดเจาะในสหรัฐ ที่ต่ำที่สุดตั้งแต่เดือนธันวาคม 2552 เป็นต้นมา
+ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงสนับสนุนจากการปิดซ่อมบำรุงของระบบท่อขนส่งน้ำมันดิบเพื่อส่งออกจากแหล่ง Kurdish ในประเทศอิรัก และแหล่งน้ำมันดิบในประเทศไนจีเรีย ส่งผลทำให้อุปทานของน้ำมันดิบปรับตัวลดลงมากกว่า 800,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาอย่างน้อยสองสัปดาห์ในการกลับมาดำเนินการขนส่งน้ำมันดิบอีกครั้ง
+ ทางการสหรัฐ ได้ประกาศตัวเลขอัตราการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจของสหรัฐ หรือ GDP ในไตรมาสที่สี่ของปี 2558 ครั้งที่ 2 พบว่าปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับตัวลดลงไปสู่ที่ระดับ ร้อยละ 0.4 ซึ่งเป็นผลมาจากการขาดดุลการค้าที่ต่ำกว่าคาด และการนำเข้าที่ลดลง
– ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ปรับตัวลดลง 57.32 จุดหรือประมาณร้อยละ 0.34 ลงมาอยู่ที่ระดับ 16,639.97 จุด หลังจากตลาดได้รับแรงกดดันจากรายงานอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ ในเดือนมกราคม ที่ปรับตัวสูงขึ้นเกือบสองเท่าจากเดือนก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 1.3% ซึ่งเข้าใกล้กับอัตราเงินเฟ้อเป้าหมาย และอาจจะทำให้ธนาคารกลางของสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงนโยบายเร็วขึ้น
– ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากได้รับแรงสนับสนุนจากการที่โรงกลั่นน้ำมันในเอเชียเหนือ กำลังจะปิดซ่อมบำรุงตามฤดูกาลในช่วงเดือนมี.ค. นี้ ประกอบกับอุปสงค์เพิ่มเติมจากประเทศอิหร่านและอินเดีย
– ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันในเอเซียเหนือกำลังจะปิดซ่อมบำรุงในเดือนมี.ค. นี้ ทำให้คาดว่าจะมีอุปทานลดน้อยลง ประกอบกับอุปสงค์ในประเทศเกาหลีใต้ที่ปรับตัวสูงขึ้นในเดือนที่ผ่านมา
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
– ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ คาดว่าจะอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องหลังตัวเลขสิ้นสุด ณ วันที่ 19 ก.พ. ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบประวัติการณ์ที่ 507.6 ล้านบาร์เรล ทำให้ตลาดกังวลว่าถังเก็บน้ำมัน ซึ่งอาจส่งผลให้มีการเก็บน้ำมันดิบบนเรือ (Floating Storage)
– การประชุมนัดพิเศษระหว่างประเทศสมาชิกในกลุ่มโอเปค และรัสเซีย ที่จะมีขึ้นอีกครั้งในช่วงเดือนกลางเดือนมีนาคม ที่จะเจรจาเพื่อหาข้อตกลงในการคงปริมาณการผลิตน้ำมันดิบไว้ที่ระดับการผลิตเดือนมกราคมได้หรือไม่ หลังที่ผ่านมาผลของการเจรจาไม่คืบหน้าเนื่องจากอิหร่านยังคงไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงดังกล่าว
– ติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจ หลังนักวิเคราะห์คาดดัชนีภาคการผลิตจีนในเดือนกุมภาพันธ์ มีแนวโน้มปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 49.3 จากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 49.4 ซึ่งนับเป็นการหดตัวต่อเนื่องกว่า 7 เดือนติดต่อกัน
ขอขอบคุณ :: กรุงเทพธุรกิจ
